กำเนิด Seamaster

Seamaster เป็นอีกหนึ่งคอลเลคชั่นของ Omega ผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1948 ซึ่งถือเป็นนาฬิกากันน้ำรุ่นแรก ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีชื่อเสียงในเรื่องของคุณภาพ และความเที่ยงตรง เนื่องจากยุคนั้นเป็นยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 Omega จึงได้ผลิตและส่ง Seamaster ให้กับกองทัพอากาศและกองทัพเรือของอังกฤษอีกด้วย ผ่านมาแล้ว 88 ปี Omega ก็ได้ผลิตนาฬิการุ่นย่อยๆในคอลเลคชั่น Seamaster ออกมาหลายรุ่น มาดูกันว่ามีรุ่นอะไรบ้าง และมีประวัติความเป็นมาอย่างไร

Omega Seamaster 1948 - First Seamaster

ในปี 1948 Omega ได้มีการเปิดตัวคอลเลคชั่น Seamaster อย่างเป็นทางการ ถูกออกแบบมาเป็นนาฬิกา Dress Watch ที่มีความสามารถในการกันน้ำได้เพียงเล็กหน่อยเท่านั้น และยังได้ผลิตนาฬิกาให้กับกองทัพอังกฤษเพื่อใช้ในภารกิจต่างๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย เพื่อฉลองครบรอบ 70 ปี Omega จึงผลิต Seamaster 1948 ที่มีหน้าตาและความคลาสสิกอ้างอิงมาจาก Seamaster รุ่นแรก แต่เปลี่ยนมาใช้กลไก Caliber 8806 ที่สำคัญคือผ่านการทดสอบมาตรฐาน Master Chronometer จากสถาบัน METAS นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน เข็มนาฬิกา และหลักเวลาก็เปลี่ยนมาใช้วัสดุที่มีคุณภาพมากขึ้น ส่วนด้านหลังก็เป็นแบบเปลือยเพื่อแสดงให้เห็นชิ้นส่วนและความงดงามภายในตัวเรือน ซึ่งผลิตมาเพียง 1,948 เรือนเท่านั้น ซึ่งผลิตตามจำนวนปีที่ผลิตออกมาครั้งแรก

Omega Seamaster 300 - Master Trio 1957

Seamaster 300 เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่น Master Trio ที่ Omega เปิดตัวในปี 1957 ซึ่งรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเป็นนาฬิกาดำน้ำและสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพที่ทำงานอยู่ใต้น้ำ ที่สำคัญคือรุ่นนี้ออกมาตีตลาดแข่งกับ Rolex Submariner โดยเฉพาะ ซึ่ง Omega ก็ได้คิดค้นระบบสปริงที่ปิดผนึกสามารถป้องกันน้ำและแรงดันน้ำในระดับ 200 เมตร ภายใต้ชื่อว่า Naiad แต่กระแสก็ยังสู้ Submariner ไม่ได้ แถมยังโดนวิกฤตควอทซ์เข้าไปอีกจึงก็ต้องหยุดผลิตไปในปี 1970

ครึ่งศตวรรษต่อมากระแสนาฬิกา Vintage ก็เริ่มกลับมา Omega จึงตัดสินใจผลิตนาฬิกา Seamaster 300 อีกครั้ง โดยคงรูปแบบดั้งเดิม ตัวเม็ดมะยมไม่มีฝาครอบ Crown Guard หน้าปัดใหญ่ขึ้นปรับขนาดจากเดิม 39 มม. เป็น 41 มม. ให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น และอัปเกรดเครื่องเป็น Master Co-axial มีพลังงานสำรอง 60 ชั่วโมง และป้องกันแม่เหล็กได้ดี ได้รับการรับรองความเที่ยงตรง Chronometer และยังมีฟังก์ชั่น Time zone สามารถปรับเข็มชั่วโมงได้ โดยไม่ต้องปรับเข็มนาที Seamaster 300 จึงเป็นนาฬิกาสำหรับคนที่ชื่นชอบใน History Seamaster โดยเฉพาะ ซึ่ง Omega ก็ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของนาฬิการุ่นนี้มาก ทำให้ Seamaster 300 Master Co-axial เป็นประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของแบรนด์ Omega อย่างหาที่ติไม่ได้

Omega Diver 300M - นาฬิกา James Bond

Omega Diver 300 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 ด้วยการทำลายสถิติโลกด้านการดำน้ำ Free Dive ซึ่งนักดำน้ำชาวฝรั่งเศส Roland Specker ได้มีการดำดิ่งลงไปในทะเลสาบพร้อมกับ Seamaster Professional Diver 300M ที่ความลึก 80 เมตร นอกจากนี้ นักดำน้ำมืออาชีพก็ได้เลือกสวมใส่ Omega Seamaster และได้สร้างสถิติการดำน้ำลึกเพื่อตอกย้ำถึงประสิทธิภาพของนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งมีการออกแบบตัวเรือนที่สวยงาม มีความสปอร์ตมากขึ้นโดยมีแบบสามเข็มมาตรฐาน ผ่านการทดสอบมาตรฐานความเที่ยงตรง (Chronometer) สามารถกันน้ำลึกได้ถึง 300 เมตร

ในปีต่อมา 1994 Omega Seamaster ก็ได้รับตำแหน่ง Watch of the year ด้วยคะแนนเสียงจากนิตยสารนาฬิกาเยอรมันอีกด้วย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของแบรนด์ Omega หลังจากนั้นก็เกิดจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Omega Seamaster โด่งดันจนเป็นที่จับตามองคือการที่ Pierce Brosnan หรือ James Bond ในภาพยนต์เรื่อง Golden Eye (พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก) ได้สวมใส่แสดงในภาพยนต์ ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "นาฬิกา James Bond"

Omega Ploprof 1200M - 1960

ในช่วงปี 1960 มีการสำรวจทะเลลึกเพื่อทำการวิจัย ซึ่งนักดำน้ำก็ได้ดำลงไปสำรวจหลายต่อหลายครั้ง Omega จึงได้ทำการพัฒนานาฬิกาดำน้ำลึกขึ้นมาเพื่อนักดำมืออาชีพโดยเฉพาะ และได้เปิดตัวนาฬิกา Seamaster Ploprof 600M โดยคำว่า Ploprof มาจากภาษาฝรั่งเศสคือ Professional Diver ที่แปลว่านักดำน้ำมืออาชีพ เป็นรุ่นที่ทนทาน แข็งแกร่ง เหมาะกับนักดำน้ำมืออาชีพมากที่สุด มาพร้อมความสามารถในการดำน้ำลึกได้ถึง 600 เมตร โดดเด่นด้วยหน้าปัดขนาดใหญ่ และมีเม็ดมะยมแบบเกลียวอยู่ตรงตำแหน่งเลข 9 มาพร้อมบัฟเฟอร์ที่ช่วยป้องกันการกระแทก อีกทั้งยังมีปุ่มกดสำหรับล็อกขอบตัวเรือนเพื่อไม่ให้หมุนไปโดยไม่ตั้งใจ และในปี 2009 Omega ก็ได้สร้างมาตรฐานใหม่ของรุ่นนี้ด้วยการเปิดตัว Ploprof 1200M ที่สามารถดำน้ำลึกได้ถึง 1,200 เมตร มาพร้อมเทคโนโลยีและกลไกแบบใหม่ที่จะช่วยป้องกันน้ำลึกได้ดีเยี่ยมกว่าเดิม

Omega Bullhead - 1969

Omega เปิดตัว Seamaster Bullhead ในปี 1969 เป็นหนึ่งในนาฬิกา Chronograph ที่หายากที่สุด โดยความพิเศษของตัวนาฬิกาก็คือ ตำแหน่งของเม็ดมะยมที่เปลี่ยนไป ปุ่มกด Start และ Reset มีการย้ายขึ้นมาอยู่ด้านบนของตัวนาฬิกาหรือตำแหน่ง 12 นาฬิกา เพื่อทำหน้าที่ในการหมุนขอบสเกลจับเวลา สำหรับรุ่นนี้ผลิตออกมาใหม่ ซึ่งอ้างอิงจากรุ่นเดิม โดยหน้าปัดถูกออกแบบให้มีลักษณะทรงเหลี่ยมเหมือนรุ่นดั้งเดิม แต่ใช้กลไก Co-Axial 3113 ที่ทันสมัยขึ้น มีความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer และสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 52 ชั่วโมง โดยนาฬิกาเรือนนี้มีการผลิตออกมาขายเพียง 669 เรือนเท่านั้น

Omega Aqua Terra 150M - 2003

Omega Aqua Terra 150M เปิดตัวในปี 2003 ซึ่งจะมีอยู่ 2 รุ่นหลัก ๆ ก็คือรุ่นสำหรับผู้ชาย และรุ่นสำหรับผู้หญิง ซึ่ง Aqua Terra ผ่านการรับรองมาตรฐาน Master Chronometer ทุกรุ่น สำหรับนาฬิกาผู้ชายของ Aqua Terra จะมีความเรียบง่าย ตัวเรือนทำมาจาก Stainless Steel หน้าปัดสีเงิน มีการปรับเปลี่ยนให้นาฬิกามีรูปลักษณ์ที่ใหม่ขึ้น ให้ได้ลุคที่ดูสปอร์ต มีหน้าต่างแสดงวันที่ที่เลข 6 นาฬิกา และมีความต้านทานแม่เหล็กที่ไม่ธรรมดาด้วย

ส่วนนาฬิกาผู้หญิง Aqua Terra ประกอบด้วยวัสดุที่หรูหรา การออกแบบหน้าปัดที่โดดเด่นมีเพชรล้อมรอบที่มีความประณีต ให้ลุคที่ดูกล้าหาญและรักในความสง่างาม ซึ่งรุ่นนี้ถูกดีไซน์มาอย่างสมบูรณ์แบบ นาฬิการุ่นนี้เอาใจกลุ่มวัยกลางคนทั้งชายและหญิงที่มองหานาฬิกาสุดหรูสักเรือน สำหรับตัวเรือนนาฬิกาผู้ชายมีขนาดประมาณ 38-41 มม. ส่วนนาฬิกาสำหรับผู้หญิงมีขนาด 28-38 มม. หน้าปัดมีความเรียบหรู ฟังก์ชั่นไม่ซับซ้อนมากนัก สามารถกันน้ำลึกได้ 150 เมตร แต่ก็จะมีรุ่นพิเศษบางรุ่นที่เพิ่มระดับความลึกให้มากขึ้น

Omega Planet Ocean 600M - 2005

ในปี 2005 Omega ได้เปิดตัว Planet Ocean 600M ซึ่งเป็นนาฬิกาดำน้ำที่มีความทนทานมากที่สุดรุ่นหนึ่ง สามารถดำน้ำลึกได้ถึง 600 เมตร เป็นการพัฒนาต่อจาก Diver 300 ที่ดำน้ำลึกได้เพียง 300 เมตรเท่านั้น รวมทั้งยังมีการออกแบบให้สวยสะดุดตา หลังจากนั้นไม่นาน Omega ก็ได้เปิดตัวรุ่นต่างๆ ตั้งแต่เวอร์ชั่นโครโนกราฟ, Big Blue ที่มีฟังก์ชั่นแสดงเวลาสองไทม์โซน GMT, Deep Black, GMT Goodplanet, The Ladies Version และ Planet Ocean Ceragold ปัจจุบันคอลเลคชั่นนี้อยู่ในระดับแนวหน้าในการผลิตนาฬิกาด้วยการรับรอง Master Chronometer รวมถึงการออกแบบที่มีความล้ำสมัยและวัสดุที่ทันสมัยที่สุด


ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่

Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่

RELATED POSTS

Our recent work

Breguet Type XX นาฬิกาสุดไอคอนแห่งโลกการบิน ปี 2024
Breguet Type XX นาฬิกาสุดไอคอนแห่งโลกการบิน ปี 2024
Breguet (เบรเกต์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสอันทรงคุณค่า…
Blancpain Fifty Fathoms Automatique รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2024 กับขนาด 42.3 มิลลิเมตร
Audemars Piguet Royal Oak Selfwinding Flying Tourbillon Openworked นาฬิการุ่นใหม่ กับ เฉดสีใหม่
ฉลองครบรอบ 70 ปี Conquest กับรุ่น Longines Conquest Heritage Central Power Reserve
ฉลองครบรอบ 70 ปี Conquest กับรุ่น Longines Conquest Heritage Central Power Reserve
Longines (ลองจินส์) แบรนด์นาฬิกาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์…
Royal Oak Jumbo Extra-Thin Openworked หน้าปัดที่โชว์ให้เห็นความสวยงามของกลไก
Breguet Reine de Naples 8918 นาฬิการุ่นใหม่กับเฉดสีเขียวมินต์อันสดใส
Breguet Reine de Naples 8918 นาฬิการุ่นใหม่กับเฉดสีเขียวมินต์อันสดใส
Breguet (เบรเกต์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสอันทรงคุณค่า…
Hermès Arceau Mon Premier Galop หน้าปัดนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Motif ผ้าคลุมไหล่ของ Hermès
Omega Speedmaster Moonwatch นาฬิการุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีขาว
Hublot Spirit of Big Bang Depeche Mode มาพร้อมหน้าปัดหัวกะโหลกแบบนาฬิกาทราย