เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของคุณดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งใหม่ของ e-Privacy เราจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณในการตั้งค่าคุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติม
รีวิวนาฬิกา Royal Oak Classic 15400ST
รีวิวนาฬิกา Royal Oak Classic 15400ST
ดูวิดีโอรีวิวนาฬิกา Royal Oak 15400ST
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
หากพูดถึงนาฬิกา Sport Luxury แบรนด์ Audemars Piguet ต้องเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่นักสะสมนาฬิกานึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Best Seller คอลเลกชันอย่าง “Royal Oak” Royal Oak ที่จะนำมารีวิวในครั้งนี้คือ Classic 15400ST เป็นหนึ่งในคอลเลกชันที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก จึงทำให้นาฬิกามีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี ถ้ามองใน 5 ปีที่ผ่านมา ราคาซื้อขาย Royal Oak ได้เพิ่มจาก 360,000 ขึ้นมาถึง 600,000 ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ต้องการซื้อนาฬิกาเพื่อเป็นทรัพย์สิน เป็นมรดกตกทอด หรือเพื่อการลงทุน Royal Oak ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ แต่เพราะอะไรที่ทำให้ Royal Oak เป็นที่ต้องการของตลาดมากขนาดนี้ มาดูกัน
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา
Royal Oak ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ เนื่องจากในปี 1972 เป็นยุคมืดที่นาฬิกากลไกไขลานต้องเผชิญหน้ากับนาฬิกาใส่ถ่านที่มีราคาถูกและแม่นยำกว่า หรือที่เรียกว่ายุค “Quartz Crisis” นั่นเอง Audemars Piguet จึงพลิกเกมโดยการออก Royal Oak ที่แจ้งเกิดในฐานะนาฬิกา “Sports Luxury” เรือนแรกของโลก ทำให้ Royal Oak กลายเป็นตำนานของวงการนาฬิกาและนำพา AP ให้รอดพ้น Quartz Crisis มาได้
ดีไซน์คือจุดเปลี่ยนของ AP
ดีไซน์เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ Audemars Piguet
การออกแบบ Royal Oak จะโดดเด่นในเรื่องขอบหน้าปัดทรง 8 เหลี่ยม ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหมวกดำน้ำ ส่วนชื่อ Royal Oak ก็มาจากเรือรบอังกฤษ 8 ลำ และที่สำคัญคือ AP ในสมัยก่อนไม่ได้เป็นหมือนอย่างที่เรารู้จักในทุกวันนี้ เพราะ AP ในสมัยนั้นจะทำนาฬิกา Dress watch ที่เน้น Complication และความเรียบหรูเป็นหลัก Royal Oak ที่เป็น Sport Watch จึงเป็นการเดินทางบทใหม่ที่กล้าออกจากกรอบเดิม ๆ ของตัวเอง
ด้านงาน Finishing ของ Royal Oak ก็ไม่ธรรมดา เพราะงานฝีมืออยู่ในระดับเดียวกับ Patek Philippe และ Vacheron Constantin ซึ่งมีมาตรฐานการเก็บงานที่เรียกว่า “haute de gamme” ซึ่งแปลว่าที่สุดของที่สุด บน Movement มีการขัดแต่งอย่างประณีต มาพร้อม Geneva Stripe และมีการแกะสลักที่เป็นเอกลักษณ์บนตัวโรเตอร์เวทที่ทำมาจากทองคำ 22K ส่วนสายนาฬิกา Royal Oak จะมีการขัดเงาและจบด้วย Brush finish จะใช้สายแบบ integrated ที่เข้ารูปและกลมกลืนกับตัวเรือนได้อย่างไร้รอยต่อเสมือนกับเรือนและสายเป็นหนึ่งเดียวกัน
สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์
สไตล์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
ด้วยขนาดหน้าปัดที่ 41 มม. ถือว่าเป็นขนาดมาตรฐาน เป็นไซส์ที่เหมาะกับข้อมือผู้ชายทุกคน จึงหาโอกาสสวมใส่ได้ค่อนข้างง่าย สามารถแมชต์ลุคสบายๆ ใส่ไปทำงาน หรือ จะใส่ไปงานที่เป็นกึ่งทางการก็ได้ ในขณะเดียวกันก็ให้ความ ภูมิฐาน หรูหรา ที่แฝงไว้ด้วยความทันสมัย และเป็นหนึ่งในที่สุดของ Sport Luxury Watch อย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้น Royal Oak จึงถือเป็นตัวเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวและความสำคัญ หรือแม้แต่มูลค่าที่เพิ่มขึ้นมา และเราเชื่อว่าเหตุผลในการซื้อนาฬิกาของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เราจึงอยากให้ทุกคนซื้อนาฬิกาด้วยความมั่นใจและ "Always "Invest In Your Passion"
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา AP Royal Oak มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่
Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่RELATED POSTS
Our recent work