เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของคุณดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งใหม่ของ e-Privacy เราจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณในการตั้งค่าคุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติม
Hands-on Review นาฬิกา Orient Star คอลเลกชันใหม่ ปี 2024 กับ M Collections | Auction House
Hands-on Review นาฬิกา Orient Star คอลเลกชันใหม่ ปี 2024 กับ M Collections | Auction House
ดูวิดีโอ Review นาฬิกา Orient Star M Collections ปี 2024 | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
ORIENT STAR (โอเรียนท์ สตาร์) แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 73 ปี ที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตนาฬิกาจักรกลคุณภาพสูง และล่าสุดในปี 2024 นี้ ทางแบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่หลากหลายเรือนภายใต้ “M Collections” โดยในวันนี้ Auction House จะมารีวิวเจาะลึกนาฬิกาใหม่ทั้งหมด 6 เรือน ซึ่งในแต่ละรุ่นจะมีคอนเซ็ปต์และรายละเอียดในการออกแบบที่มีความเฉพาะตัว ถ้าพร้อมแล้วมารับชมไปพร้อม ๆ กันได้เลย
มาเริ่มกันที่คอลเลกชัน M34 กันก่อน ทางแบรนด์ Orient Star ได้เปิดตัวนาฬิกาใหม่ 5 รุ่น ภายใต้คอลเลกชันคอนเทมโพรารี่ (Contemporary Collection) โดยตัวเรือนทุกรุ่นจะใช้สเตนเลสสตีล 316L ที่ถูกขัดเงาด้วยกรรมวิธีซัลลาส (Sallaz) สลับกับการปัดเส้นแฮร์ไลน์ในบางตำแหน่ง มาพร้อมสายสเตนเลสสตีล และมีข้อกลางรูปตัว H ซึ่งจะช่วยให้สวมใส่ได้กระชับข้อมือมากยิ่งขึ้น
สำหรับสองรุ่นแรกที่เราจะนำมาเจาะลึกให้ทุกคนได้ดูกัน ก็คือ M34 F7 Mechanical Moon Phase และ M34 F7 Semi Skeleton โดยทั้งคู่จะเป็น Limited Edition ที่ถูกผลิตขึ้นเพียง 200 เรือนเท่านั้นในแต่ละรุ่น ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้จะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแสงเหนือ
ซึ่งในปีนี้จะสะท้อนภาพของแสงเหนือที่ส่องแสงขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ในยามเช้า ดังนั้นทางแบรนด์จึงเลือกใช้หน้าปัดเปลือกหอยมุกเฉดสีเทาอ่อน โดยเมื่อมีแสงมาตกกระทบจะเห็นการไล่เฉดสีไปตามธรรมชาติของหน้าปัดเปลือกหอยมุก ราวกับแสงเหนือที่สว่างผ่านกลุ่มหมอกที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าในช่วงก่อนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันใหม่ ซึ่งหน้าปัดเปลือกหอยมุกนั้นเป็นวัสดุจากธรรมชาติ ทำให้หน้าปัดของนาฬิกาทั้งสองเรือนนี้มีมิติที่แตกต่างกันอย่างสวยงาม พร้อมทั้งมีเสน่ห์เฉพาะตัว และแน่นอนว่าหน้าปัดของนาฬิกาทุกเรือนในคอลเลกชันนี้ก็จะไม่เหมือนกันเลย
มาต่อกันที่รุ่น M34 F8 Date ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากฝนดาวตกเพอร์เซียส (Perseid) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ฝนดาวตกที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ปี 2024 ที่ผ่านมา โดยนาฬิการุ่นนี้จะมีหน้าปัดทั้งหมดสองสี ได้แก่ หน้าปัดสีน้ำเงินที่สื่อถึงฝนดาวตกบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน เป็นรุ่นที่ผลิตจำหน่ายปกติ และหน้าปัดสีขาวที่สื่อถึงฝนดาวตกอยู่บนท้องฟ้าในยามรุ่งอรุณ ซึ่งเป็นรุ่นลิมิติดอิดิชัน (Limited Edition) ที่ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 160 เรือน
โดยความโดดเด่นของ 2 รุ่นนี้จะอยู่ที่ลวดลายและผิวสัมผัสของหน้าปัดที่ถูกผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีออพติคัล มัลติเลเยอร์ของเอปสัน จากฝีมือช่างแห่งชินชู วอทช์ สตูดิโอ (Shinshu Watch Studio) ซึ่งสีที่เห็นอยู่นี้ไม่ได้เกิดจากการทาสีน้ำเงินลงบนหน้าปัด แต่เป็นการเคลือบฟิล์มที่มีความใสและบางระดับนาโนซ้อนทับกันหลาย ๆ ชั้น จนได้ความหนาเฉพาะที่ยอมให้คลื่นแสงสีน้ำเงินส่องผ่านออกมาเท่านั้น จึงทำให้ตาเรามองเห็นหน้าปัดเป็นสีน้ำเงิน และด้วยเทคนิคสุดพิเศษนี้ทำให้หน้าปัดสามารถเล่นกับแสงได้อย่างมีมิติและเห็นลวดลายได้อย่างชัดเจน
ถัดมากับคอลเลกชัน M34 กับรุ่น M34 F8 Skeleton Hand Winding โดดเด่นด้วยหน้าปัดแบบสเกเลตันที่เผยให้เห็นรายละเอียดอันประณีต ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงของดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่ในห้วงลึกของอวกาศ ซึ่งทางแบรนด์ได้เลือกใช้สีเทามาเป็นตัวแทนของคอนเซ็ปต์นี้ โดยสีเทาบนสะพานจักรนั้นสื่อถึงจักรวาลที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
ในขณะที่วงแหวนสีน้ำเงินเข้มไล่เฉดเป็นสัญลักษณ์ของแสงแห่งดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด และสีเทาเข้มของขอบตัวเรือนนั้นสื่อถึงจักวาลที่ไร้ซึ่งขอบเขต โดยองค์ประกอบของหน้าปัดจะถูกจัดเรียงอย่างลงตัวและสวยงาม มีหน้าปัดย่อยแสดงพลังงานสำรองอยู่บริเวณตำแหน่ง 12 นาฬิกา และบริเวณ 6 นาฬิกาจะแสดงวินาที อีกทั้งยังมีการใช้เข็มสีน้ำเงินสว่างเพื่อให้ตัดกับสีของหน้าปัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ตัวสะพานจักรยังถูกขัดเงาให้แวววาวสวยงาม ตัดกับบางส่วนที่มีผิวสัมผัสแบบซาติน ทำให้หน้าปัดดูมีมิติและหรูหรามากยิ่งขึ้น
ปิดท้ายด้วยนาฬิกา Dive Watch กับคอลเลกชัน M42 โดยใน 2024 นี้ ทาง Orient Star ได้มีการเปิดตัวนาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่ M42 Diver 2nd Edition F6 Date 200m Titanium เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 60 ปีของนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของแบรนด์ ซึ่งนาฬิการุ่นใหม่นี้เป็น Limited Edition เช่นกัน ถูกผลิตขึ้นมาเพียง 365 เรือนเท่านั้น
โดยนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดนี้ได้นำองค์ประกอบของการดีไซน์นาฬิกาดำน้ำรุ่น Calendar Auto ที่ออกสู่ตลาดในปี 1964 มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ โดยจะเห็นดีไซน์ของชุดเข็มที่มีลักษณะแบบดั้งเดิม ส่วนเค้าโครงต่าง ๆ ของหน้าปัด เช่น มาร์กเกอร์ และหลักชั่วโมง รวมถึงขอบหน้าปัดได้มีการปรับให้โมเดิร์นมากยิ่งขึ้น
โดยจุดเด่นของนาฬิการุ่นใหม่นี้ก็คือ ทางแบรนด์ได้เลือกใช้วัสดุไทเทเนียมมาสร้างสรรค์เป็นตัวเรือนและสาย ทำให้มีความทนทานและมีน้ำหนักเบาขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับรุ่นวัสดุสเตนเลสสตีล นอกจากนี้แล้ว Orient Star ก็ได้เลือกใช้สีทองมาผสานเข้ากับการออกแบบของเรือนนี้อีกด้วย
RELATED POSTS
Our recent work